Apr 29, 2012

ดึงแฟลชไดร์ฟออกไม่ต้อง Safely Remove Hardware !!

ครั้งแรกที่คุณใช้งาน USB flash drive ก็มักจะพูดถึง “Safely Remove Hardware” ตัวเลือกที่จะต้องทำก่อนการดึงออกจากคอมพิวเตอร์ โดยระบบปฏิบัติการที่ล้าหลังนั้นต้องการสิ่งนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดจากหน่วยความจำแบบแฟลช อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการเหล่านั้นก็ได้รับการพัฒนามาตลอด จนกระทั่งปัจจุบันการดึง USB flash drive ออกจากคอมพิวเตอร์โดยทันทีก็แทบไม่ส่งผลเสียแต่อย่างใด และในระบบปฏิบัติการที่ทันสมัยนี่เองได้มีการปรับปรุงระบบให้คุณไม่ต้องไปกดใช้งาน dialog box ที่ system tray อีกต่อไป บทความนี้จะมาบอกวิธีการเปิดฟีเจอร์ที่ทำให้คุณสามารถดึง USB flash drive ออกได้ทันทีหลังใช้งานเสร็จ


Step 1:
เปิด Device Manager

โดยการไปพิมพ์ “device manager” ลงไปในช่องค้นหาใน Start Menu

https://lh5.googleusercontent.com/-340Jvc4GioM/T5xruCWsszI/AAAAAAAAA7I/2AuFvyHs4gA/s521/Start_2012-04-27_13-16-08.png

Step 2: มองหา USB Devices

เมื่อหน้าต่าง Device Manager เปิดขึ้นมา คลิกที่ Disk drives เพื่อแตกตัวเลือกออก ซึ่งก็จะเห็นไดร์ฟทั้งหมดที่มีอยู่ในเครื่องของคุณ โดย USB devices ก็จะมีคำว่า “USB” อยู่ในชื่อไดร์ฟนั้นด้วยนั่นเอง

https://lh6.googleusercontent.com/-4QQGB5BZo28/T5xr6c7g9eI/AAAAAAAAA7Q/OWTrwQ05xCs/s638/Device-Manager.png


Step 3:
เปลี่ยนแปลง Policy

ลือกไดร์ฟที่ต้องการปิดการใช้งาน Safely Remove Hardware โดยการดับเบิ้ลคลิกที่ไดร์ฟและไปที่แท็บ Policies ให้เลือกที่ Quick Removal จากนั้นก็คลิก OK

https://lh3.googleusercontent.com/-5IpuFd23Vm0/T5xr6WK1jWI/AAAAAAAAA7U/0S6RuX-ti3Q/s477/Kingston-DT-101-G2-USB-Device-Properties.png

ตอนนี้ คุณสามารถดึง USB flash drive ออกได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการ Safely Remove Hardware อีกต่อไป ซึ่งหาก USB flash drive ของคุณได้ทำงานเสร็จสิ้นหมดแล้ว ผมรับรองได้เลยว่าจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอนครับ

 

Apr 26, 2012

วิธีเปิดการใช้งาน AutoComplete ใน Windows Explorer & Run Dialog Box

Inline AutoComplete คือฟีเจอร์ที่พบเห็นได้ทั่วไปกับเบราว์เซอร์สมัยนี้ มันจะช่วยให้คุณประหยัดเวลามากขึ้นด้วยการค้นหาคำโดยอัตโนมัติเวลาที่คุณพิมพ์ อย่างเช่น เวลาคุณต้องการเปิดเว็บ Mxhitech ของเรานั้น เพียงแค่การพิมพ์ 2 - 3 ตัวอักษร URL เต็มๆ ก็จะปรากฏขึ้นมาในแอดเดรสบาร์โดยอัตโนมัติ และก็เป็นเช่นเดียวกันกับฟีเจอร์ inline AutoComplete ที่อยู่ใน Windows Explorer ตลอดจน Run dialog box เพียงแต่มันได้เปิดใช้งานไว้เท่านั้นเอง และบทความนี้เองจะมาบอกวิธีเปิดการใช้งานฟีเจอร์ Inline AutoComplete feature ใน Windows Explorer และ Run dialog box ให้คอมของเราเดิ้นไปอีกเท่าตัว

Step 1: เปิด Internet Options ขึ้นมา โดยการพิมพ์ “Internet Options” ลงไปในช่องค้นหาที่สตาร์ทเมนู

https://lh3.googleusercontent.com/-qxA5Pp7lxZI/T5h7xj0I4mI/AAAAAAAAA6Y/4HMILERNMgg/s524/Start_2012-04-12_14-44-17.png

Step 2: ในหน้าต่าง Internet Properties เลือกแท็บ Advanced ด้านขวามือบนสุด จากนั้นเลื่อน scroll bar ลงมาแล้วให้มองหาตัวเลือก “Use inline AutoComplete in Windows Explorer and Run Dialog” เมื่อเจอแล้วก็ให้ติ๊กถูกลงไปในตัวเลือกนั้น

https://lh4.googleusercontent.com/-Ju2praQbLDg/T5h7xef-NII/AAAAAAAAA6U/8TBxxBnvn_Y/s572/Internet-Properties.png

เพียงเท่านี้ก็เป็นการเปิดใช้งานฟีเจอร์พิเศษที่หลบซ้อนไว้ใน Windows ของเราแล้วนั่นเอง

https://lh4.googleusercontent.com/-yyDd-ReVWss/T5h7xI3X5xI/AAAAAAAAA6Q/BwCE70OxVIM/s474/2012-04-12_14-49-50.png

ดังตัวอย่างที่เห็นในภาพเพียงพิมพ์ "downl" 5 ตัวอักษรลงไป ก็ได้ผลลัพธ์โดยอัตโนมัติตามที่เราได้เคยเปิดไว้นั่นเอง

สุขภาพของสายตาในโลกดิจิตอล [Infographic]

https://lh4.googleusercontent.com/-2CooN2J5s_0/T5h0xTVa9GI/AAAAAAAAA4Y/1-M_JTFXTec/s576/sshot4f9839ae5f09a.jpg


ชมข้อมูลที่น่าสนใจนี้ได้เต็มๆ ตามลิ้งค์ด้านล่างเลยครับ

Healthy Eyes In A Digital World [infographic]

Microsoft Security Essentials อัพเดทครั้งใหญ่ !!

http://img.gawkerassets.com/img/17koiiarl06cyjpg/original.jpg

Microsoft Security Essentials แอนตี้ไวรัสตัวโปรดของเหล่าสาวก Windows เวอร์ชั่นใหม่นี้ก็มีการปรับเปลี่ยนมากมาย ทั้งเบาและใช้งานง่ายขึ้น

MSE ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งไหนยิ่งใหญ่กว่าครั้งนี้เลย หลักๆ ก็เป็นการเปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนสีของอินเทอร์เฟสใหม่ ให้ใช้งานง่ายขึ้นกว่าเดิม การตั้งค่า "Real-Time Protection" ก็เหลือเพียงตัวเลือกเดียวให้เปิดและปิดเท่านั้น และการเปลี่ยนแปลงท้ายสุดก็คือการเปลี่ยนชื่อของ SpyNet ให้กลายเป็น Microsoft Active Protection เพื่อให้ดูชี้ชัดไปเลยว่ามันมีหน้าที่อะไรกันแน่

http://img.gawkerassets.com/img/17koiicqmsdcmjpg/original.jpg

ก็อัพเดทกันเลยแล้วกันครับ เบาสบายไม่กินแรง เหมือนแอนตี้ไวรัสตัวอื่นๆ


HOME

DONWLOAD

Apr 24, 2012

วิธีใส่ที่คั่นลง Jumplist ใน Windows 7

การใช้ประโยชน์ที่มีมาใน Windows 7 นั้นมีมากมาย ซึ่ง Jumplist เป็นฟีเจอร์นึงที่ผมคิดว่าสำคัญมากๆ บางคนอาจไม่เคยใช้ มันเป็นการ pin สิ่งที่ใช้งานบ่อยในโปรแกรมที่ถูก pin ในทาส์กบาร์ ซึ่งก็จะเป็นเส้นทางลัดง่ายๆ เข้าถึงข้อมูลในแต่ล่ะโปรแกรมแทนการสร้างช๊อตคัทที่เดสก์ท็อปให้รกนั่นเอง อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่ประเด็นของบทความนี้

บทความนี้จะมาบอกวิธีการจัดระเบียบของ Jumplist ด้วยเส้นคั่นแบบง่ายๆ เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบและใช้สอยได้สะดวกยิ่งขึ้นนั่นเอง

สิ่งแรกเลยคือให้สร้างโฟลเดอร์ใหม่ขึ้นมา และตั้งชื่อให้เป็น การเว้นวรรค 36 ครั้ง ( 36 underscores )

____________________________________

https://lh6.googleusercontent.com/-lxReyvQb6LA/T5W1qm_Kq1I/AAAAAAAAA34/Cmg840NfYz8/s130/2012-04-20_14-28-16.png

คลิกขวาโฟลเดอร์ที่สร้างขึ้น ไปที่ Properties จากนั้นไปที่แท็บ Customize และเลือก Change icon

https://lh6.googleusercontent.com/-vKYhlZH8DQA/T5W1r2m94mI/AAAAAAAAA4I/DXnR-urpFxU/s518/Properties1.png

เลือกไอค่อนว่างและคลิก OK เลือก OK ใน Properties อีกครั้งเพื่อเป็นการบันทึก

https://lh5.googleusercontent.com/-iRKm05fkLK4/T5W1q9dUbyI/AAAAAAAAA38/jO2i8_CZA2w/s394/Change-Icon-for-____________________________________-Folder.png

จากนั้นก็เพียงแค่ลากโฟลเดอร์ดังกล่าวไปยังไอค่อนต่างๆ ในอยู่ในทาส์กบาร์ ก็จะเป็นการ pin โฟลเดอร์นี้ลงไป ซึ่งสิ่งที่ปรากฏก็คือเส้นคั่นใน Jumplist นั่นเอง ก็ลองเลื่อนๆ จัดให้เป็นระเบียบดูก็แล้วกันนะครับ

https://lh3.googleusercontent.com/-eGJKl_lQHOU/T5W1rDxdShI/AAAAAAAAA4A/T4pGhdy4AX8/s445/2012-04-20_14-40-00.png

Apr 12, 2012

Internet Explorer 9.0.6 ออกแล้วผ่านทาง Windows Update

https://lh5.googleusercontent.com/-pntQnAIbuw8/T4YGo4BzhFI/AAAAAAAAA3w/NuMzy5RWUMs/s472/144.png


แพทช์ April 2012 Cumulative Security Update for Internet Explorer ตัวล่าสุดนี้จะปล่อยทาง Windows Update เท่านั้น โดยเน้นแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ และช่องโหว่ด้านความปลอดภัยใน IE เป็นช่องโหว่ที่โดนแฮกได้เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งช่องโหว่นี้อาจทำให้ IE ของคุณถูกควบคุมจากระยะไกลเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว รหัสต่างๆ ไปได้อย่างง่ายดาย

ก็แนะนำให้คนที่ใช้ IE กันเป็นประจำควรที่จะอัพเดทแพทช์นี้โดยเร็วครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม

Apr 2, 2012

ตีให้แตก ความแตกต่างระหว่าง Sleep และ Hibernate


https://lh4.googleusercontent.com/-v7iJHnUVr6E/T3m4cBl-wgI/AAAAAAAAA3Q/OnUCaon3bgM/s650/sshot4f10a99f6aa1f.jpg 

Windows 7 มอบตัวเลือกมาให้เรามามากมาย ไว้ใช้เวลาที่ต้องการประหยัดพลังงานเมื่อไม่ได้มีการใช้งาน PC ตัวเลือกเหล่านั้นได้แก่ Sleep, Hibernate,และ Hybrid Sleep ตัวเลือกเหล่านี้จะมีประโยชน์อย่างมากเลยหากคุณใช้กับแล็ปท็อป แต่บางคนก็สงสัยกับความแตกต่างของแต่ล่ะตัวเลือกว่าคืออะไรกันล่ะ เรามาศึกษากันในบทความนี้เลยครับ

 

Sleep Mode

Sleep mode เป็นการประหยัดพลังงานคล้ายๆ กับการกดปุ่ม pause ในเครื่องเล่น DVD การทำงานต่างๆ ในคอมพิวเตอร์จะถูกหยุดลง และเอกสารที่เปิดทิ้งไว้ก็จะถูกจัดเก็บไว้ในหน่วยความจำหลัก ซึ่งคุณสามารถเริ่มการทำงานต่อจากนั้นได้โดยง่ายในเวลาไม่กี่วินาที กล่าวคือมันก็คือโหมด “Standby” ที่เคยเห็นใน xp นั่นเอง

 

Hibernate

โหมด Hibernate แปลตรงตัวก็คือโหมดจำศิลนั่นเอง เป็นการปิดโปรแกรมเอกสารทุกอย่างลง และปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ แสดงว่าหากอยู่ในโหมด Hibernate คอมพิวเตอร์ก็จะมีการใช้พลังงานเป็น 0 และเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาใหม่ ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นอย่างเดิมแต่ใช้เวลาพอๆ กับการเปิดเครื่องจริงๆ เลย

 

Hybrid Sleep

Hybrid Sleep เป็นโหมดที่รวมกันระหว่าง Sleep และ Hibernate สามารถใช้ได้ในคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป โดยจะนำข้อมูลเอกสารและโปรแกรมต่างๆ ที่เปิดอยู่ใส่ลงไปในหน่วยความจำหลักและฮาร์ดดิสก์ จากนั้นคอมพิวเตอร์ของคุณก็จะเข้าสู่สภาวะการใช้พลังงานอย่างต่ำ และใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการกลับมาใช้งานอีกครั้ง โหมด Hybrid Sleep จะถูกเปิดการใช้งานไว้ในเครื่องเดสก์ท็อป PC แต่สำหรับแล็ปท็อปจะถูกปิดการใช้งานไว้ กล่าวคือหากคุณใช้งานเครื่องเดสก์ท็อปเวลาเข้าสู้โหมด sleep ก็จะเป็นการเช้าสูโหมด Hybrid Sleep แทน แต่หากเป็นเครื่องแล็ปท็อปหรือโน็ตบุ๊คที่รู้จักกันดีนั้น ก็จะเป็นการเข้าสู่โมหด sleep ธรรมดานั่นเอง

Hybrid Sleep จะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อเกิดไฟดับขึ้น ซึ่งเมื่ออยู่ในโหมดนี้ต่อให้ไฟดับนานเท่าไร่ก็ตาม Windows ก็สามารถคืนสภาพกลับไปยังการทำงานเดิมได้เสมอ

 

ตัวเลือกเข้าโหมดพวกนี้มันอยู่ไหนกัน ?

ตัวเลือก Sleep และ Hibernate นั้นจะเป็นปุ่มตัวอักษรที่อยู่ถัดจากปุ่ม Shut down ใน Start menu นั่นเอง

https://lh5.googleusercontent.com/-BdxYkOoe4CM/T3m4XIBncwI/AAAAAAAAA2U/0jak5ibnAYc/s538/01_sleep_and_hibernate_options.png 

หากคุณไม่เจอปุ่มตัวเลือกดังกล่าว อาจเกิดมาจากสาเหตุดังนี้

- การ์ดจอของคุณอาจไม่รองรับการทำงานใน Sleep mode

- คุณอาจเข้าใช้งานคอมพิวเตอร์ในรูปแบบที่ไม่ใช่ administrator

- โหมดประหยัดพลังงานอาจถูกปิดโดยตรง จากตัว BIOS


แล้วหากต้องการเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานต่อล่ะ ?

คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่นั้น สามารถเปิดเพื่อกลับมาใช้งานได้โดยการกดที่ปุ่มเปิดนั่นเอง อย่างไรก็ตาม คอมแต่ล่ะเครื่องมีความแตกต่างกัน คุณอาจต้องกดที่แป้นคีย์บอร์ด หรือคลิกเม้าส์ หรืออาจจะต้องยกฝาแล็ปท็อปขึ้นก่อนก็ได้ อันนี้ก็แล้วแต่โปรดศึกษาในคู่มือก่อนนะครับ


วิธีเปิดและปิดโหมด Hybrid Sleep

สำหรับเครื่องที่ต้องการเปิดโหมดนี้ ขั้นแรกให้ไปที่ Control Panel ใน Start menu

https://lh3.googleusercontent.com/-T2YwjrM1Zpg/T3m4XhRPMtI/AAAAAAAAA2c/uXMbT_T8q6M/s476/02_clicking_control_panel.png

คลิกที่ Power Options ในหน้าต่าง Control Panel (หากไม่เจอก็ให้เปลี่ยนรูปแบบการมองเป็น Large icons ก็จะเจอทันที)


https://lh3.googleusercontent.com/-xPUHsAJC464/T3m4Xng7tTI/AAAAAAAAA2Y/Md5rsaK8bFY/s453/03_clicking_power_options.png

ในหน้าของ power plan คลิก Change plan settings ตามรูป


https://lh4.googleusercontent.com/-kHIWpP0LlRw/T3m4YFA6DnI/AAAAAAAAA2g/4eDX6xihQBI/s650/04_clicking_change_plan_settings.png 
หน้า Change settings for the plan ก็คลิกที่ Change advanced power settings ต่อไปได้เลย

https://lh3.googleusercontent.com/-eEIwZGbmj6k/T3m4YtrvFwI/AAAAAAAAA20/3n9PtTVGfsY/s593/05_09_change_settings_for_plan_screen.png 

กล่องไดอะล็อก Power Options ก็จะขึ้นมา คลิกที่
Change settings that are currently unavailable

https://lh5.googleusercontent.com/-zRmhux7Va34/T3m4Y-9oeVI/AAAAAAAAA2s/aajmQZcGugI/s463/06_clicking_changing_settings_that_are_currently_unavailable.png

ดับเบิ้ลคลิกที่ตัวเลือก Sleep จากนั้นดับเบิ้ลคลิกที่ hybrid sleep อีกครั้งนึง และเลือก Off จากเมนู ดรอป-ดาวน์ ทั้ง 2 เมนู ตามรูป

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjLuFDboZ4zx0ctCVwwD7EyQ7F8yuY3YWXl_ybtCE6kUOUcs5JjR7zX3pFTYinikVSw890aojYOWdTGQZeuXxbDnW_UKJUwCnFxGjO3qWNNbc743uuvE_InL-499p7HjScGYYtA23wWjdCN/s463/07_turning_off_hybrid_sleep.png

โดยปกติ Windows จะถามหารหัสผ่านเมื่อคุณเปิดคอมพิวเตอร์หลังจากอยู่ในโหมดประหยัดพลังงานต่างๆ คุณสามรถปิดฟีเจอร์นี้ได้ โดยให้ไปที่ตัวเลือกด้านบนสุดในหน้า Power Options แล้วเลือก No ในเมนู ดรอป-ดาวน์

เมื่อปรับแต่งสำเร็จแล้วก็ให้คลิกที่ OK และปิดหน้าต่างทั้งหมดลงก็เป็นอันเสร็จ



วิธีป้องกันการเข้าสู้โหมด Sleep หรือ Hibernate

เป็นการปรับแต่งให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ล่ะบุคคล โดยจะกำหนดระยะเวลาก่อนที่เครื่องจะทำการเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานต่างๆ

ไปที่ Power Options จาก Control Panel เหมือนเดิม จากนั้นให้คลิกที่
Change advanced power settings

โดยในส่วนนี้ก็จะมีตัวเลือก Sleep และ Hibernate ที่ใช้ในการปรับแต่ง ซึ้งจะมีเมนูการปรับแต่งย่อยในแต่ล่ะตัวเลือก จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนนั่นก็คือ On battery (ค่าเวลาเมื่อถอดปลั๊กใช้งานแบตเตอรี่) และ Plugged (ค่าเวลาเมื่อเสียบปลั๊กอยู่)

https://lh3.googleusercontent.com/-eEIwZGbmj6k/T3m4YtrvFwI/AAAAAAAAA20/3n9PtTVGfsY/s593/05_09_change_settings_for_plan_screen.png 

ดับเบิ้ลคลิกที่ตัวเลือก Sleep และดับเบิ้ลคลิกที่ตัวเลือก Sleep after หากคุณใช้งานแล็ปท็อป ให้กำหนดเวลาที่เมนู On battery ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นับจากการใช้ง่านล่าสุดและจะเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน และที่เมนู Plugged ให้เลือก Never

หากเป็นคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปก็ควรเลือกให้ Plugged เป็น Never

และก็ทำเช่นเดียวกันนี้ในการกำหนดค่าของ Hibernate ในตัวเลือก Hibernate after

https://lh6.googleusercontent.com/-fDm-QVaTnbA/T3m4ataazEI/AAAAAAAAA28/akVygdBCMrQ/s463/10_changing_sleep_after.png

อันต่อมา หากคุณต้องการกำหนดระยะเวลาก่อนที่หน้าจอจะดับลง ก็ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ตัวเลือก Display จากนั้นก็ดับเบิ้ลคลิกที่ Turn off display after แล้วก็กำหนดค่าที่ต้องการได้เลยทั้ง On battery และ
Plugged

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg56HqxEM_mk1QQFqnF2TeffUQtiJ7EqBMUomOCC576ufFi9Y8yZwu0EvgRLR5C44uu33klPibtTzYUi5gBY6D6QBZjqnLydrRTSHbaxrNQz2SEXFgDp9st1RukexOxe0B8HfqsO2ATlOez/s463/11_turn_off_display_after.png

เพียงเท่านี้ทุกคนก็สามารถเข้าใจและปรับแต่งค่าต่างๆ ในโหมดประหยัดพลังงานได้อย่างชาญฉลาดแล้ว

แถมให้อีกนิด ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับโหมดประหยัดพลังงานนั่นก็คือ Hibernate เพราะว่าเมื่อเทียบกับโหมดอื่นๆ ใช้พลังงานน้อยกว่ามาก แต่ก็แลกมาด้วยระยะเวลาในการกลับมาทำงานที่นานนิดนึง ทั้งนี้ก็อยู่กับการใช้งานแต่ล่ะบุคคลครับผม

 

ขอขอบคุณ http://www.howtogeek.com/

Total Pageviews

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Maximum Hitech